ชื่อเดิม คือ สำนักสงฆ์ป่าเครือวัลย์
(สาขาวัดหนองป่าพงที่ ๓๕ ) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๑
ประกาศตั้งเป็น "วัดสุภัททมงคล" อย่างเป็นทางการ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๒
ชื่อใหม่ปัจจุบัน คือ
วัดสุภัททมงคล (สาขาวัดหนองป่าพงที่ ๓๕ )
ที่ตั้ง บ.ยางเครือ ม.๙ ต.ยางสักฯ อ.ม่วงสามสิบ
จ.อุบลราชธานี ๓๔๑๔๐
(หลัก กม.ที่ ๒๘ ถ.อุบลฯ-อำนาจเจริญ)
เนื้อที่ :
ประมาณ ๓๖๐ ไร่
E-mail: supattamk35@hotmail.com
โทร. 089-7939253
แนวรั้วติดถนนใหญ่ (ยาว ๗๐๐ ม.)
 |
| ประตูรั้วเขตสำนักสงฆ์เดิม (ป่าเครือวัลย์) |
 |
| ศาลาอเนกประสงค์ เป็นทั้งกุฏิหลวงพ่อ หอฉัน ที่ทำวัตรสวดมนต์ ฟังธรรม |
 |
| ม้าหินในลานธรรม |
 |
| ลานธรรมปูด้วยอิฐศิลาแรง 16,000 ก้อน |
 |
| ลานธรรม หรือ เรียกอีกอย่างว่า "ถิ่นนักปราชญ์" |
 |
| "พระพุทธิเจ้า" แกะสลักโดยหลวงพ่อ เมื่อปี 2552 |
 |
| ลานอเนกประสงค์ข้างกุฏิหลวงพ่อ |
 |
| พระพุทธองค์ประทับบนเสารูปเทียน |
 |
| ท้องฟ้ายามพลบค่ำช่วงทำวัตรเย็น |
 |
| ประตูวงกลม (สุญญตา) ทางเดินออกไปบิณฑบาตร |
 |
| เสารูปต้นเทียน |
 |
| ฉันใต้ร่มไม้เป็นวัตร (ในช่วงหน้าหนาวและหน้าร้อน) |
 |
| ห้องดับทุกข์ (ห้องสุขา) สามองค์ |
 |
| กุฏิสำหรับพระใหม่ใช้ฝึกตน |
 |
| ที่นั่งกรรมฐานในบางโอกาส |
 |
| สระน้ำสำหรับใช้อุปโภคตลอดปี |
 |
| ทางเดินจงกรมทำความเพียร |
 |
| เส้นทางจงกรมรอบพื้นที่ป่า |
 |
| ฝึกตนด้วยการอยู่ง่าย |
 |
| โยมผู้ใฝ่ศึกษาธรรมะ ทำความเพียร "กินง่าย อยู่ง่าย เห็นง่าย" (ตามคำสอนหลวงปู่ชา) |
 |
| ทางเดินอันวิเวก |
 |
| ช่วยกันต้มแก่นขนุนย้อมผ้า |
 |
| ร่วมกันทำกิจวัตรย้อมผ้าเป็นข้อวัตรในวันโกน |
 |
| ย้อมผ้าด้วยแก่นขนุน ช่วยให้สีเข้ม ไม่มีกลิ่นอับ เนื้อผ้าหนาขึ้น และสืบทอดประเพณีของพระโบราณ |
 |
| โยมผู้ใฝ่ธรรมเดินทางมาร่วมศึกษาธรรมะ |
 |
โกวิโท, อาภากโร ก่อนออกบิณฑบาต (เม.ย. ๒๕๕๔),
ผ้าขาวคือ ท่านยุทธ (ต่อมาปี ๒๕๕๗ กลับมาอุปสมบทจำพรรษาที่นี่) |
 |
| จากมุมสระน้ำสำหรับอุปโภค |
 |
| ป้ายชื่อวัด (หลวงพ่อเขียนเอง) |
 |
| กุฏิบริเวณป่าร่มมะพอก |
 |
| กุฎิทรงเจดีย์ยอดแหลม |
 |
| ห้องนี้ดับทุกข์ (ห้องสุขา) |
 |
| กุฏิรับรอง |
 |
ช่วงปิดเทอม เด็กๆ มาช่วยกันสร้างทางเดินรอบศาลาเต่าล้านปี
(เฟม, เฟิร์น, ก๊อต, เจมส์ แม้จะเกิดที่ Esan แต่ก็ชื่อ English นะ!!!) |
 |
| ห้องสุขาญาติโยม ๒ จุด จุดละ ๑๐ ห้อง |
 |
กุฏิสองชั้น ปัจจุบันหลวงพ่อพักชั้นบน
(ระหว่างรอการก่อสร้างวิหารหิน) |
---------------------------------------------------------------------------------------
ป้ายข้อคิดคำสอนในลานธรรม
---------------------------------------------------------------------------------------
โครงการก่อสร้างศาสนวัตถุในอาราม ณ ปัจจุบัน
ตามคำขวัญของวัด คือ "จระเข้ใหญ่ ไดโนเสาร์ เต่าล้านปี เจดีย์หิน ถิ่นนักปราชญ์"
จระเข้ใหญ่ สร้างเสร็จ ต.ค. ๒๕๕๓
เป็นกุฏิที่พักสำหรับพระิภิกษุ (ยาวประมาณ 23 เมตร)
 |
กุฏิจระเข้ ถ้ำที่พักสำหรับพระสงฆ์
|
เต่าล้านปี แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๕
เป็นศาลาใช้สอยอเนกประสงค์ ก่อสร้างปี ๒๕๕๔
พระพุทธมุจลินทร์ ณ ศาลาเต่าล้านปี
เจดีย์หิน (ปัจจุบันภายในยังไม่แล้วเสร็จ)
"สุภัททมงคลเจดีย์" เจตนาสร้างเป็นทั้งเจดีย์และอุโบสถทำสังฆกรรม
เริ่มถมที่ก่อสร้าง พ.ศ. ๒๕๕๒
 |
สุภัททะ พุทโธ เจดีย์หิน
(ดอกบัวบนยอดเจดีย์ บรรจุบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ พระอัฐิธาตุ) |
ภาพล่าสุดเมื่อ ต.ค. ๕๗
ถิ่นนักปราชญ์
เป็นลานธรรม ปูพื้นด้วยหินศิลาแลงจำนวน 16,000 ก้อน
และ จะทยอยสร้างหินแกะสลักเป็นตัวแทนนักปราชญ์ พร้อมจารึกข้อคิดคำสอนของแต่ละท่าน
 |
| พระมหาภิริทัตโต (มั่น) |
 |
| พระมหาอินทปัญโญ (พุทธทาส) |
 |
| พระมหากันตสีโล (ทองรัตน์) |
พระมหานันทะ (ปัญญา)
พระมหาสุภัทโท (ชา)
พระมหาจันทิโย (กินรี)
พระมหาสุธัมโม (ฉลวย)
---------------------------------------------------------------------------------------
วิหารหิน (ปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ)
ดัดแปลงกุฏิหลังเดิมของหลวงพ่อให้กลายเป็นวิหารหินศิลาแลง ส่วนห้องพักยังคงเอาไว้สำหรับใช้เป็นที่พักได้เช่นเดิม เริ่มก่อสร้าง กลางปี ๒๕๕๖
ภาพภ่าย ต.ค.๕๗
เจ้าชายสิทธัตถะทรงม้ากัณฑกะ (ปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ)
อนุสรณ์ระลึกถึงคราวที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกจากพระราชวัง เพื่อออกบวช ก่อนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นเครื่องเตือนสติว่า การอยู่เฝ้าครองเรือนเยี่ยงฆราวาสไม่ใช่วิถีตามรอยพระศาสดา
เริ่มก่อสร้าง ส.ค. ๕๗